1. กาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Coffee)

กาแฟเอสเพรสโซ่ คือน้ำกาแฟดำเพียวๆแบบเข้มข้นที่ชงมาจากเครื่องชงกาแฟแบบแรงดันสูง หรือแบบดริป หรือวิธีการอื่นที่ใช้เพียงน้ำร้อนผสมกับเมล็ดกาแฟคั่วบดแค่นั้นเอง 

น้ำกาแฟที่ได้จะสีน้ำตาลเข้ม ให้รสชาติกาแฟที่เข้มข้นและชัดเจนที่สุด ได้รับความนิยมมากในคนยุโรปและอเมริกา และถือว่าเป็นกาแฟที่เหมาะกับคนรักสุขภาพมากที่สุดเพราะไม่มีส่วนผสมของ นม ครีมเทียม หรือน้ำตาล เหมาะกับการดื่มในทุกๆวัน

2. กาแฟอเมริกาโน่ (Americano Coffee)

ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารอเมริกันได้มาประจำการในยุโรป แต่ครั้งนั้นเหล่าทหารอเมริกันไม่คุ้นเคยกับกาแฟดำเอสเพรสโซ่ในแบบฉบับของอิตาลีมากนัก เพราะรู้สึกว่ามันเข้มข้นไป จึงเติมน้ำร้อนเข้าไปในน้ำกาแฟเอสเพรสโซ่แบบเดิมอีกเท่าตัว เลยได้เป็นรสกาแฟที่จางลงกว่าเดิม แล้วจึงเรียกกาแฟเมนูนี้่ว่า อเมริกาโน่ (Americano หรือกาแฟของคนอเมริกัน)

รสชาติของกาแฟอเมริกาโน่นี้คล้ายกับเอสเพรสโซ่เลย แต่มีรสชาติที่อ่อนกว่าและจางกว่า เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบดื่มกาแฟดำแบบเข้มข้นนัก

3. กาแฟลาเต้ (Latte Coffee)

กาแฟลาเต้ เป็นการเติมนมสดมาผสมกับน้ำกาแฟดำเอสเพรสโซ (Espresso) แล้วสตรีมฟองนมเนื้อเบาละเอียดอยู่ด้านบน และอาจจะเติมความหวานเพิ่มนิดหน่อยด้วยไซรัปหรือคาราเมล

กาแฟลาเต้ จะให้รสชาติกาแฟรสละมุนอ่อนโยน ครีมมี่ๆด้วยรสชาติของนมสด ดื่มง่ายเบาๆ เป็นที่ถูกใจของใครหลายคน

4. กาแฟมอคค่า (Mocha)

กาแฟมอคค่า เป็นการผสมกาแฟเอสเพรสโซ(น้ำกาแฟดำเข้มข้น)กับชอกโกแลตกับนมสด และอาจจะมีการเติมวิปครีมลงไปด้านบนแล้วโรยบางๆด้วยผงชอกโกแลต

เป็นกาแฟที่ให้รสชาติที่เข้มข้นของกาแฟแต่ปนด้วยรสชาติของชอกโกแลตนิดๆ ให้รสชาติที่ละมุนกลมกล่อม พร้อมความครีมมี่หรือมันของฟองนม ปนความหวานเล็กๆ ด้วยรสชาติที่สมดุลย์ เหมาะกับทานในวันพักผ่อนหรือสังสรรค์กับเพื่อนๆ

5. กาแฟมอคคาชิโน่ (Mochachino)

กาแฟมอคคาชิโน่ เป็นเมนูกาแฟที่มีลักษณะคล้ายกับกาแฟมอคค่า (Mocha) แต่จะมีการเน้นไปที่การผสมผสานของนมและฟองนมที่มากขึ้น ซึ่งจะให้รสชาติที่เบากว่า กาแฟมอคค่าเล็กน้อย และมีความเป็นครีมมี่มากขึ้น (มีส่วนผสมของน้ำกาแฟเอสเพรสโซ + ชอกโกแลต + นม เช่นเดียวกับกาแฟมอคค่า แต่แตกต่างกันที่อัตราส่วนผสมและปริมาณของฟองนม)

กาแฟมอคคาชิโน่จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลิ้มรสชาติของกาแฟผสมกับชอกโกแลตที่นุ่มนวลกว่าและละมุนกว่าด้วยรสชาติอันโดดเด่นของนมและฟองนม

6. กาแฟคาปูชิโน่ (Capuccino)

กาแฟคาปูชิโนเป็นกาแฟที่คล้ายกับกาแฟลาเต้มากๆ คือใช้ส่วนผสมของน้ำกาแฟดำเอสเพรสโซ่(Espresso) ผสมเข้าด้วยกับนม และฟองนม เพียงแต่กาแฟคาปูชิโนจะลดปริมาณนมสดลงเพียงแค่ 1 ใน 3 ของนมที่ใช้ในลาเต้ แต่จะไปเพิ่มปริมาณของฟองนมให้หนากว่าลาเต้

รสชาติของกาแฟคาปูชิโน่จึงเป็นเมนูที่ให้รสละมุนแบบครีมมี่ แต่ให้รสสัมผัสของฟองนมที่เข้มข้นขึ้น เป็นอีกรสสัมผัสที่น่าลิ้มลอง

7. กาแฟแฟลท์ไวท์ (Flat White)

กาแฟลทไวท์เป็นเมนูกาแฟยอดฮิตจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ใช้ส่วนผสมของน้ำกาแฟดำ(Espresso) ผสมกับนม และเติมฟองนมที่ละเอียดเป็นชั้นบางๆบนผิวกาแฟด้านบน ค่อนข้างจะคล้ายๆกับคาปูชิโน่ แต่ให้ชั้นของฟองนมที่บางและแบนกว่าเมื่อเทียบกับของคาปูชิโนที่นุ่มฟูกว่า

กาแฟ Flat White มีรสชาติที่นุ่มนวลและกลมกล่อม มีรสชาติกาแฟที่เด่นชัด แต่ไม่ขมจนเกินไป ฟองนมที่ละเอียดจะช่วยเพิ่มความเนียนนุ่มให้กับรสชาติ รสชาติเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟที่ไม่แรงเกินไปแต่ยังคงมีความเข้มข้นของกาแฟ

8. กาแฟเดิร์ทตี้ (Dirty Coffee)

กาแฟ Dirty เริ่มต้นที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ริเริ่มเมนูทีแปลกใหม่ โดยแช่นมสดไว้ในตู้เย็นให้เย็นเจี๊ยบไว้ในแก้วใสแล้วจึงค่อยๆราดน้ำกาแฟดำ Espresso เข้มข้นลงไปโดยให้ผสมกับนมน้อยที่สุด เพื่อสร้างชั้นกาแฟและนมแยกกัน เป็นความงดงามที่แตกต่างจากเมนูอื่น กาแฟจะซึมปนกับชั้นนมและเลอะๆเทอะไม่เป็นระเบียบ เลยเรียกเมนูนี้ว่ากาแฟสกปรก หรือ Dirty Coffee นั่นเอง

ตอนดื่ม วิธีดื่มจะไม่เหมือนเมนูไหนๆ คุรต้องไม่คนกาแฟให้ปนกับนม แต่ให้กระดกแก้วขี้นมาดื่มโดยพยายามให้นมเย็นด้านล่างค่อยๆดันกาแฟชั้นบนออกมา คุณก็จะได้รสกาแฟเข้มข้นผสานกับนมเย็นๆรสละมุน ก่อเกิดเป็นรสชาติเฉพาะตัวที่แสนวิเศษ

คุณคงพอเข้าใจในลักษณะของเมนูกาแฟแต่ละชนิดแล้ว วันนี้เมนูไหนจะเป็นเมนูกาแฟโปรดสำหรับคุณ เลือกได้แล้วหรือยัง