จริงๆแล้วก็มีรายงานและบทความงานวิจัยหลายๆฉบับบ่งบอกว่าการดื่มกาแฟดีต่อสุขภาพจริง แต่ต้องดื่มในปริมาณที่เหมาสมต่อวัน และก็ยังมีปัจจัยอื่นเข้ามาผสมโรงด้วย เช่น วิธีการเลือกกาแฟ การเลือกส่วนผสมสำหรับปรุงกาแฟ เช่น นม ครีมเทียม และน้ำตาล
ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องวิธีการดื่มที่ถูกต้อง ก็ขอพูดถึงกันสักนิดว่ากาแฟมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรกันบ้าง
การง่วงนอนระหว่างวันนอกจากจะผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเราแล้ว ยังส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพของเราทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย รวมทั้งอาจจะนำไปสู่โรคบางอย่าง อาทิ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นต้น
ในสมองคนเราจะมีสารเคมีอยู่ตัวหนึ่งชื่อว่า "อะดีโนซีน" (Adenosine Antagonist) ซึ่งเจ้าสารตัวนี้แหละ เมื่อสะสมตัวในช่วงเวลาระหว่างวัน มันจะทำให้เราง่วงหงาวหาวนอนเตรียมหลับกันเลย
แต่ในกาแฟมีสารตัวสำคัญที่เรียกว่า "คาเฟอีน" (Caffeine) ซึ่งดันไปมีโครงสร้างคล้ายๆกับเจ้าสารอะดีโนซีน และเมือเราดื่มกาแฟเข้าไปแล้ว มันก็จะไปจับตัวกับสารอะดีโนซีนเพื่อชะลอหรือยับยั้งการทำงานของสารนี้ เมื่อสารนี้ไม่ทำงานหรือทำงานน้อยลง ก็จะส่งผลให้เรารู้สึกตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า เหมือนมีพลังงานเพิ่มขึ้น ไม่ง่วงนอนในช่วงระหว่างวัน
ระบบเผาผลาญในร่างกายที่ดีจะช่วยให้ร่างกายนำไขมันสะสมมาใช้ประโยชน์เพื่อส่งผลให้คุณไม่อ้วนง่ายในระยาว เพิ่มความกระฉับกระเฉงให้คุณมีพลังงานในการทำงานในแต่ละวัน ลดความเสี่ยงของโรคอ้วนและโรคเรื้อรังบางชนิด และช่วยเพิ่มสมรรถนะในการออกกำลังกาย
สารคาเฟอีนในกาแฟสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของประสาทสาทระบบส่วนกลาง ให้ช่วยปลดปล่อยสาร "อะดีนาลีน" (Adrenaline) ในร่างกาย เพื่อไปกระตุ้นระบบการเผาผลาญ(Metabolism)ในร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในขบวนการเผาผลาญไขมันส่วนเกินหรือไขมันสะสมในร่างกายให้เปลี่ยนเป็นพลังงานแทนการใช้พลังงานจากาคาร์โบไฮเดรต ทำให้ไขมันสะสมในร่างกายลดน้อยลง ซึ่งอาจจะเป็นที่ถูกใจสำหรับใครบางคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักอยู่
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยบางชิ้นกล่าวไว้ว่า คาเฟอีนในกาแฟช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้เพิ่มขี้นในอัตรา 3%-11% เลยทีเดียว น่าสนใจใช่ม๊า
มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม อาจจะช่วยลดความเสี่ยง(ไม่ใช่รักษา)ของโรคบางชนิดได้เช่นกัน เช่น
⦁ โรคเบาหวานชนิดที่ 2: สารคาเฟอืนในร่างกาย สามารถช่วยเพิ่มความไวของตัวอินซูลิน ซึ่งเป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาล ทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายถูกควบคุมไว้ได้ดีขึ้น
⦁ โรคพาร์กินสัน: คาเฟอืนช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางพร้อมทำการยับยังการทำงานของตัวรับอะดีโนซีน A2A ในร่างกายที่มีผลในการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย การดื่มกาแฟอาจจะช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์สมองที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวนี้
⦁ โรคหัวใจ: มีงานวิจัยในบางชิ้นได้กล่าวว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของอาการเส้นเลือดตีบรวมทั้งปรับระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกายให้เป็นปกติ ส่งผลให้ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้ในบางกรณี
⦁ โรคซึมเศร้า: สารคาเฟอืนในกาแฟสามารถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสารสื่อประสาทที่ชื่อ เซโรโทนิน ออกมา ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียด และทำให้อารมณ์ดี ช่วยลดความเสี่ยงของสภาวะซึมเศร้าได้ระดับหนึ่ง
⦁ โรคอัลไซเมอร์: มีการศึกษาบางส่วนพบว่า การดื่มกาแฟอาจจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสารเคมีที่ช่วยในการสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง อาจจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระอันได้แก่ โพลีฟีนอลและกรดคลอโรจีนิก โดยเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระนี้จะช่วยลดความเสียหายของเซลล์ในร่างกายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ที่เป็นโมเลกุลที่ไม่สมดุลย์ในร่างกาย ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย
⦁ ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม คือเพียง 1-3 แก้วต่อวัน: การดื่มการแฟในแต่ละวันมากจนเกินไปอาจจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในหลายๆด้าน เช่น นอนไม่หลับ เกิดความเครียดได้ง่าย ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้ใจสั่นหรือเต้นผิดจังหวะในบางคน ทำให้เกิดความดันสูงชั่วคราว ทำให้แคลเซียมในกระดูกลดลง
⦁ ใส่ครีมเทียมในปริมาณน้อยหรือเลือกใช้ครีมเทียมให้เหมาะสม: ถ้าสามารถดื่มกาแฟดำเปล่าๆได้เลยก็ยิ่งดี แต่หากยังชื่นความมันนิดๆ พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ครีมเทียมทั่วไป แล้วอาจจะเลือกตัวทดแทนครีมเทียมตัวอื่น เพราะครีมเทียมทั่วไปมักจะทำจากน้ำมันพืชซึ่งมีไขมันทรานส์หรือไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่สูงซึ่งไม่เหมาะต่อสุขภาพหัวใจ การเลือกใช้ครีมเทียมชนิดอื่น เช่น ครีมเทียมจากมะพร้าวอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะมีไขมันอิ่มตัวชนิดดีที่สามารถดูดซึมเข้าสุ่ร่างกายได้ดีกว่า
⦁ เติมน้ำตาลในปริมาณที่น้อยที่สุด หรือเลือกใช้สารแทนความหวานแทนน้ำตาลจะดีที่สุด เช่น น้ำตาลจากผลหล่อฮังก๊วย ที่ให้ความหวานเทียบเท่าน้ำตาลแต่ไม่เพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือด เป็นความหวานที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมอย่างมากในผู้ที่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน
สำหรับในบางคนที่ไวต่อคาเฟอีนในกาแฟ แนะนำให้งดดื่มกาแฟหรือดื่มในปริมาณที่จำกัดในแต่ละวันจะดีกว่า
⦁ ผู้ที่มีปัญหาความดันสูง: กาแฟจะไปกระตุ้นให้เกิดความดันเลือดสูงชั่วคราวและทำให้หัวใจเต้นเร็ว จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาความดันสูง
⦁ หญิงตั้งครรภ์: ขณะตั้งครรภ์ ขอแนะนำให้งดการดื่มกาแฟ เพราะสารคาเฟอีนในกาแฟสามารถถูกนำพาไปยังทารกในครรภ์ได้ และอาจจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้เช่นกัน
⦁ ผู้ที่มีปัญหาโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน: กาแฟมีความเป็นกรดเล็กน้อยอยู่ในตัวเอง อาจจะไปทำให้เกิดการระคายเคืองในกะเพาะอาหารได้เช่นกัน
⦁ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความเครียด: สารคาเฟอีนในกาแฟอาจจะไปกระตุ้นให้เกิดความกังวลหรือความเครียดได้ในบางคน
⦁ ผู้ทีมีปัญหานอนไม่หลับ: สารคาเฟอืนไปกระตุ้นให้คุณรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา ยิ่งจะทำให้คุณหลับได้ยากและหลับไม่ลึกมากตามที่ควรจะเป็น
⦁ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องกระดูกพรุน: สารคาเฟอีนในกาแฟอาจจะไปเพิ่มอัตราการขับถ่ายแคลเซียมออกจากกระดูกได้ ในระยาวอาจจะก่อให้เกิดปัญหากระดูเปราะหรือกระดูกพรุนได้เช่นกัน
⦁ ผู้ทีเป็นโรคได: กาแฟจะทำให้ร่างกายต้องขับน้ำและแร่ธาตุออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะมากกว่าปกติ อาจจะทำให้ไตของคุณทำงานหนักขึ้น
หน้าแรก / สั่งซื้อสินค้า / วิธีชำระค่าสินค้า / บทความเกี่ยวกับกาแฟ / บทความอื่น / นโยบายความเป็นส่วนตัว / ติดต่อเรา
บจก. คอสติค อินเตอร์เนชั่นแนล
461/1-3 ซ.แก้วฟ้า ถ.สี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
Line ID: @enxo